วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557

ดอกไม้ประเทศบรูไน

 
 
 


ดอกซิมปอร์ ดอกไม้ประจำชาติบรูไน

                            ชื่อพื้นเมือง        ดอกส้านชะวา
                            ลักษณะทั่วไป    -
                            ใบ                      -    
                            ดอก                  ที่มีกลีบขนาดใหญ่สีเหลือง หากบานเต็มที่แล้วกลีบดอกจะมีลักษณะคล้ายร่ม
                            ผล                     -
                            ด้านภูมิทัศน์      พบเห็นได้ตามแม่น้ำทั่วไปของบรูไน

วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

ดอกไม้ประเทศพม่า

 
 
 
 

 ประดู่ เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศพม่า
                            ชื่อพื้นเมือง           -
                            ลักษณะทั่วไป      ลำต้นสูง 10–20 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดกลมหรือรูปเจดีย์เตี้ย แผ่กว้างหนาทึบ
                                                        ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง    
                            ใบ                        ประกอบขนนก รูปไข่ เรียบหนา 
                            ดอก                     มีสีเหลืองทอง มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ดอกบานแล้วร่วงพร้อม ๆ กัน ออกดอกช่วง
                                                        เดือน เมษายน-สิงหาผลิดอกและส่งกลิ่นหอมในฤดูฝนแรก
                            ผล                        -
                            ด้านภูมิทัศน์         ดินทั่วไป ชอบแสงแดดจัด

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

ดอกไม้ประเทศลาว

 
 
 

ดอกลีลาวดี  ดอกไม้ประจำชาติ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

                          ชื่อพื้นเมือง        จำปา
                          ลักษณะทั่วไป    เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง เนื้อไม่อ่อน แตกกิ่งเป็นแฉก เป็นง่ามกระจายออกทำ  
                                                    ให้เกิดทรงพุ่มใหญ่ กิ่งเปราะง่าย  ทิ้งใบในฤดูแล้งแล้วผลิดอกและใบรุ่นใหม่  
                                                    ในช่วงเดือนเมษายนเป็นต้นไป                          ใบ                      มีใบใหญ่โตเป็นหอก ใบแข็งมีสีเขียวเข้ม
                          ดอก                   ดอกเป็นช่อ ถ้าต้นสมบูรณ์ดี ช่อหนึ่งจะมีดอกหลายสิบดอกเป็นกลุ่มสวยงามมาก
                                                    มีกลีบดอก 5 กลีบ มีหลายลักษณะ  บางชนิดกลีบเวียนกัน  บางชนิดกลีบดอกเรียงกัน
                                                    บางชนิดปลายกลีบดอกแหลม  บางชนิดปลายกลีบดอกมน มากมายหลายสี 
                                                    บางต้นอาจมีดอกมีสีเดียว เช่น ขาว แดง  ชมพู                                               
                          ผล                     ผลจะออกเป็นฝักคู่สีน้ำตาล
                          ด้านภูมิทัศน์      นิยมใช้กันมากในวงการสปา

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2557

ดอกไม้ประเทศฟิลิปปินส์

 
ดอกพุดแก้ว เป็นดอกไม้ประจำชาติประเทศฟิลิปปินส์
                             ชื่อพื้นเมือง           -
                             ลักษณะทั่วไป       ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูงได้ถึง 10 ม. เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ สีเขียวเข้ม
                                                          เปลือกต้น สีขาวเทา แตกเป็นร่องตามยาว
                             ใบ                         ประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงสลับ มีใบย่อย 5-9 ใบ เรียงสลับกันจากเล็ก
                                                          ไปหาใหญ่ สีเขียวเข้มเป็นมัน ใบย่อยที่ปลายก้านใบรูปไข่ รูปรี หรือรูปไข่กลับ
                                                          ปลายแหลม โคนแหลมหรือสอบ ขอบเป็นคลื่นหรือหยักมนตื้น ๆ
                                                          โคนใบเบี้ยวเล็กน้อย ใบมีต่อมน้ำมัน
                              ดอก                     ดอกมีสีขาวกลีบดอกเป็นรูปดาว มีกลิ่นหอม
                              ผล                       รูปรีหรือรูปไข่ กว้าง 5-8 มม. ยาวประมาณ 1 ซม. ผลแก่สีแดงอมส้ม
                                                          ต่อมน้ำมันเห็นได้ชัด       
                              ด้านภูมิทัศน์         -

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557

ช่อดอกไม้ที่แพงที่สุดในโลก






ลืมวิธีจีบสาวด้วยการส่งดอกไม้ และข้อความหวานหยาดเยิ้มไปได้เลย เพราะวาไลนไทน์ปีนี้กำลังจะมีหญิงผู้โชคดีได้รับช่อดอกไม้ที่มีราคา “แพงที่สุดในโลก” โดยมีราคาสูงถึงช่อละ 1 ล้านริยัล หรือประมาณ  8.8 ล้านบาท ทุบสถิติช่อดอกไม้ (วันแต่งงาน) ราคาแพงที่สุดในโลกของประเทศเวียดนาม ที่เคยลงบันทึกไว้ในกินเนสส์บุ้คเมื่อ ปี ค.ศ. 2007  ซึ่งมีราคาช่อละกว่า 4 ล้านบาทกว่าเท่าตัว

ดอกไม้ช่อนี้ไม่ได้ประดับด้วยเพชรหรืออัญมณีล้ำค่า แต่ประดิษฐ์ขึ้นจากธนบัตรสกุลเงินริยัลของประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมีทั้งธนบัตรใบละ 50, 100 และ 500 ริยัล รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1 ล้านริยัล (กว่า 8.8 ล้านบาท) พอดิบพอดี
อยากได้กันไหมค่ะ

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

พันธุ์ดอกกล้วยไม้ไทย


1.ว่านเพชรหึง เป็นกล้วยไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สามารถสูงได้ถึง 3 เมตร มีดอกสีเหลือง หรือสีเขียวอ่อนและมีจุดสีน้ำตาล ราคาขึ้นอยู่กับขนาดของต้น ถ้าเป็นต้นไม้ที่มีความสูงเป็นเมตรจะมีราคาแพงเป็นพิเศษ เมื่อเทียบอายุประมาณ 10 ปี มีขนาดสูง 1 เมตร อาจมีราคาถึง 30,000 บาทเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นกอขนาดเล็กประมาณ 300-400 บาท 


นอกจากราคาจะแพงไม่พอ ว่านเพชรหึงยังขยายพันธุ์ยากมาก ซึ่งต้องใช้เวลาเจริญเติบโตและให้ดอกปีละครั้งเท่านั้น สามารถอยู่ได้นานถึง 3 เดือนกว่าดอกจะร่วงโรย ด้วยความที่ดอกมีขนาดใหญ่และสวยงามมากจึงเป็นที่นิยมของผู้ชื่นชอบกล้วยไม้ ว่านเพชรหึงพบมากในพื้นที่ภาคใต้ เช่น จังหวัดชุมพร, ระนอง และในบางพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ซึ่งล้วนมีสีสันที่แตกต่างกันออกไปตามพื้นที่ที่ปลูก 

“ว่านเพชรหึงที่พิพิธภัณฑ์พืชสิรินธร เราปลูกมาเกือบ 20 ปีแล้ว ขนาดสูงประมาณ 200 ซม. ถือว่าโตช้ากว่าพืชอีกหลายชนิดในตระกูลเดียวกันและขยายพันธุ์ยากมาก ซึ่งแล้วแต่เทคนิคในการขยายพันธุ์ เนื่องจากว่านชนิดนี้ใช้การขยายพันธุ์แบบแยกกออย่างเดียว หรือไม่ก็มีวิธีการเอาเมล็ดไปเพาะพันธุ์เนื้อเยื่อเพื่อให้ได้ต้นขึ้นมา แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีผลเป็นอย่างไรบ้างเพราะส่วนใหญ่ทำได้ยาก”

2.รองเท้านารีเหลืองกาญจน์ เป็นพืชกล้วยไม้ที่หายากในธรรมชาติ มีดอกสีเหลืองสวยงามซึ่งอยู่ในบัญชีพืชการค้าของกรมวิชาการเกษตร ถ้าใครลักลอบเอาออกมาก็จะมีความผิดทางกฎหมาย ยกเว้นกล้วยไม้บางชนิดที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงในสถานที่เพาะเลี้ยง และขึ้นบัญชีสถานเพาะเลี้ยงไว้เพื่อเป็นการรับรองว่าไม่ได้เอาออกมาจากป่าโดยตรง พบมากในจังหวัดกาญจนบุรี และมีคนเคยบอกว่าสามารถพบได้ในภาคเหนืออีกด้วย แต่ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีแล้ว เพราะมีคนลักลอบเอาออกมาขาย ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 400 บาท เป็นต้นไป


3.เอื้องเขาพระวิหาร เป็นกล้วยไม้ให้ดอกสวย ต้องการแสงแดดน้อย ชอบขึ้นอยู่ตามหินหน้าผา ซอกหิน หรือท่อนซุง จะเติบโตอยู่ส่วนล่างๆของต้นไม้ที่เกาะอยู่ ได้รับอาหารจากซากอินทรียวัตถุ เช่นใบไม้ที่ร่วงและที่ทับถม ผุพัง รวมทั้งซากแมลงที่หล่นและน้ำฝนที่ชะล้างมาบริเวณโคนต้นกล้วยไม้ รากกล้วยไม้อากาศชอบการถ่ายเทอากาศและการระบายน้ำที่ดี


ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดสภาพแวดล้อมในการปลูกให้ใกล้เคียงกับสิ่งแวดล้อมจากต้นกำเนิดของกล้วยไม้ชนิดนี้ซึ่งมีอยู่ที่เขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ ราคาขายอยู่ระหว่าง 200-300 บาท

4.ปรงทะเล เป็นไม้กอพุ่ม มีใบเรียงยาวถี่ๆ สีเขียวเข้ม ใบอ่อนสีแดงสวยงาม ปลูกเป็นไม้ประดับ ขนาดใหญ่ สามารถสูงได้ถึง 2 เมตร ต้นคล้ายพวกปาล์ม ถิ่นกำเนิด ริมทะเลแปซิฟิก เจริญเติบโตช้า ชอบแดด ต้องการน้ำปานกลาง ชอบขึ้นที่ดินที่เป็นทรายหรือตามซอกหิน พบมากในบริเวณเกาะหรือทางภาคใต้ที่ไม่ใช่พื้นที่ของเกาะก็จะกระจายพันธุ์อยู่แถวนั้นเช่นกัน คนมักจะเอามาปลูกเพราะกอสวย แต่โตช้า ขนาดหัวเล็กมีราคาอยู่ระหว่าง 100-500 บาท ถ้าขนาดสูง 1 เมตร จะมีราคา6,000 บาท (ประมาณ 10 ปี)



วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

5 อันดับดอกไม้ที่แพงที่สุดในโลก

ดอกไม้ที่ว่าสวยแล้ว บางชนิดยังมีราคาค่างวดแพงยิ่งกว่าทองคำเสียอีก เรามาดูกันหน่อยดีกว่า 5 ดอกไม้ที่แพงที่สุดในโลกมีอะไรกันบ้าง
อันดับ 5Saffron Crocus
หลายคนอาจจะงงว่าเจ้าดอก Saffron Crocus คือดอกอะไร เจ้าดอกที่ว่าใช้ผลิตเครื่องเทศราคาแพงอย่างหญ้าฝรั่น จึงทำให้ดอก Saffron Crocus มีราคาสูงถึง 600£ต่อ 1 ปอนด์ หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 30,000 บาท ด้วยราคาที่สูงลิ่วขนาดนี้ ดอก Saffron Crocus จึงลอยลำเข้ามาอยู่อันดับ 5 ของลิสต์เราอย่างชิวๆ
อันดับนี้มากันเป็นช่อ โดยในช่อประกอบไปด้วยดอกกล้วยไม้สีขาว ลิลลี่ขาว ดอกพระจันทร์และรากของต้นไทรอายุร้อยปี เจ้าข่อนี้เป็นช่อดอกไม้งานแต่งที่แพงที่สุดในประวัติการณ์ด้วยราคา 80,000£ หรือกว่า 4,000,000 ล้านบาทไทย แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าช่อดอกไม้ราคาสูงลิบลิ่วขนาดนี้เพราะในช่อแซมด้วย เพชร เรดรูบี้ และสตาร์รูบี้ อาจจะดูเหมือนโกงไปบ้างแต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าดอกไม้ช่อนี้เป็นช่อที่แพงที่สุดในโลก
อันดับ The Gold of Kinabalu Orchid
ดอกกล้วยไม้ที่ถือว่าหาได้ยากยิ่งในโลก พบได้ในพื้นที่เล็กๆ ของอุทยานแห่งชาติคินาบาลู ประเทศมาเลเซีย ดอกกล้วยไม้คินาบาลูมีราคาสูงถึง 3,000-5,000 £ หรือ 150,000-250,000 บาทต่อหนึ่งดอก!! โดยจะบานในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมเท่านั้น จึงกลายมาเป็นอันดับ 3 ของดอกไม้ราคาหฤโหดของโลก
อันดับ 2Shenzhen Nongke Orchid
ดอกกล้วยไม้ Shenzhen Nongke เป็นดอกไม้ที่ผลิตด้วยฝีมือมนุษย์ที่ใช้เวลาพัฒนาด้วยเวลายาวนานกว่า 8 ปี โดยภาคเกษตรของบริษัท Shenzhen Nongke ของประเทศจีน โดยถูกซื้อไปด้วยราคาสุดช็อคถึง 160,000 £ หรือกว่า 8,000,000 บาท
อันดับ Kadupul Flower
แชมป์ดอกไม้ราคาแพงที่สุดในลิสต์ของเราคือ ดอก Kadupulที่พบในประเทศศรีลังกา โดยแชมป์ของเราไม่เคยถูกซื้อขาย เราจึงจัดให้เป็นดอกไม้ที่ประเมินค่าไม่ได้ เหตุผลเพราะเจ้าดอก Kadupulเป็นดอกไม้ที่หายากและบานเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จะค่อยๆ เหี่ยวเน่าไป ไม่เคยมีใครที่สามารถเคลื่อนย้ายเจ้าดอก Kadupulออกจากต้นเพื่อไปจัดช่อขายได้ และด้วยความหายากและตายง่ายของดอกไม้ชนิดนี้จึงทำให้มันทยานสู่อันดับหนึ่งดอกไม้ราคาแพงที่สุดในโลกไปโดยปริยาย

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ดอกไมัที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

          วันนี้จะขอเก็บเรื่องราวของ "ดอกไม้" มาฝากกัน โดยเป็นเรื่องของดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หลายคนคงจะเคยได้ยิน และรู้จักดอกไม้ชนิดนี้แล้ว ส่วนใครที่ยังไม่รู้ลองทายดูสิคะว่า คือดอกไม้อะไร??? ดอกไม้ที่ว่า คือ "ดอกบัวผุด"
          สำหรับบัวผุดเป็นกาฝากชนิดหนึ่ง ที่อาศัยน้ำเลี้ยงจากรากของพืชชนิดอื่น จะโผล่เฉพาะดอกซึ่งเป็นดอกเดียวขึ้นจากพื้นดินให้เห็นระหว่างฤดูฝนหรือในระยะที่อากาศและพื้นที่ยังมีความชุ่มชื้นสูง คือ ระหว่างพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับลำต้นของบัวผุดมีลักษณะเช่นไร มีการเกาะหรือเชื่อมติดกับพืชที่มันอาศัยอยู่อย่างไร
          ลักษณะของดอกบัวผุด เมื่อยังตูมอยู่จะคล้ายกับหม้อหรือกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่มีกลีบหนา จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางของดอก 70-80 เซนติเมตร ที่โคนของดอกจะมีกลีบนำสีน้ำตาลอมเหลืองเรียงสลับซับซ้อนกันอยู่มาก ภายในดอกจะมีแผ่นแบนคล้ายจาน ด้านบนมีปุ่มคล้ายหนามแหลมจานนี้จะซ้อนเกสรตัวผู้และรังไข่ไว้ด้านล่าง
          ดอกบัวผุดเมื่อยังสดอยู่จะมีน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม กลีบดอกมีความหนาตั้งแต่ 0.5-1 เซนติเมตร นับว่าเป็นดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ค้นพบในประเทศไทย ในต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย เคยมีรายงานว่า พืชสกุลเดียวกันนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางของดอกมากกว่า 100 เซนติเมตร ก็มี
          จากผลสำรวจและวิจัย ของฝ่ายพฤษศาสตร์ กองบำรุง กรมป่าไม้ พบว่า บัวผุดพันธุ์ใหม่ ที่พบในประเทศไทยนี้ เป็นพืชกาฝากที่เกาะกินเฉพาะน้ำเลี้ยงจากรากของไม้เถาของว่านป่า "ย่านไก่ต้ม" เพียงชนิดเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในบางครั้งมีผู้เข้าใจผิดว่าเป็นดอกของย่านไก่ต้มซึ่งความจริงแล้วเถาย่านไก่ต้มเป็นพันธุ์ไม้ในวงศ์องุ่น (Vitidaceae) ที่มีเถาขนาดใหญ่พบขึ้นในป่าดิบชื้นทางภาคใต้ที่มีฝนตกอย่างสม่ำเสมอเกือบตลอดทั้งปี พื้นดินเป็นดินร่วนหรือดินร่วนปนทรายตามหุบเขาหรือบริเวณริมลำธาร ดอกย่านไก่ต้มมีสีเขียวอมเหลืองขนาดโตประมาณ 2 เท่าของหัวไม้ขีดไฟเท่านั้น
          จากการศึกษา พบว่า พันธุ์ไม้ตระกูลบัวผุด (Raffiesia) มีประมาณ 13-14 พันธุ์เท่านั้น บัวผุดที่พบในประเทศไทยได้รับการตั้งชื่อเป็นพันธุ์ของโลกเมื่อ พ.ศ.2527 โดย Dr.M.Meijer จากมหาวิทยาลัย Kentucky สหรัฐอเมริกา ตั้งชื่อพฤกษศาสตร์สากลเพื่อเป็นเกียรติแก่ Dr.A.F.G.Kerr นายแพทย์ชาวไอริช ผู้สำรวจพันธุ์ไม้ชนิดนี้เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2472
          ถึงแม้ว่าดอกบัวผุดจะมีกลิ่นเหม็นมากก็ตาม แต่เป็นพืชสมุนไพรที่หายากมากและมีคุณค่าสูง คือ นอกจากจะนิยมนำมาใช้ปรุงเป็นยาบำรุงสตรีหลังคลอด ให้มีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงมีผิวพรรณเปล่งปลั่งแล้วยังเป็นยาบำรุงสำหรับบุรุษเพศอีกด้วย
          ในปัจจุบันดอกบัวผุดนับว่าจะหาดูได้ยากยิ่ง ทั้งนี้เพราะเหตุว่า ป่าไม้ถูกทำลายลงไปอย่างมากทำให้สภาพนิเวศน์ของป่าเปลี่ยนไปมาก จะพบดอกบัวผุดบ้างเฉพาะตามอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเท่านั้น เช่น อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา จังหวัดระยอง เป็นต้น
          ถึงแม้ "ดอกบัวผุด" จะเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นเหม็น แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์มากทีเดียว อย่างไรแล้วเสีย น่าจะให้ดอกไม้หายากอย่าง "ดอกบัวผุด" อยู่คู่ผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ มากกว่าที่จะนำออกมาขาย หรือเก็บออกมาเพียงเพราะความแปลก ที่อยากจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก 

วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ดอกไม้ประจำหนัาฝนของไทย

 ดอกไม้ประจำฤดูฝน


เมฆครึ่มกับฝนที่โปรยปรายลงมา ทำให้ต้นไม้น้อยใหญ่ต่างชุ่มฉ่ำและสดชื่น ผลิดอกออกผลให้ความสวยงาม...

และต้นไม้ต้นใดที่ปลูกแล้วเจริญงอกงามตามฤดูฝนบ้างไปดูกันค่ะ

สาละลังกา   เป็นไม้ยืนต้น ลำต้นสูงประมาณ 80 ฟุต  ออกดอกเป็นช่อใหญ่ตามลำต้น ช่อดอกยาว  เมื่อบานดอกจะมีสีแดง หรือสีชมพูอมเหลือง กลิ่นหอมฉุน ออกดอกเกือบตลอดปี   ผลมีขนาดใหญ่ เปลือกแข็ง ลักษณะคล้ายลูกปืนใหญ่สมัยโบราณ มีเมล็ดจำนวนมาก ชอบแดดจัด น้ำปานกลาง  ดอกมักดกมากในช่วงหน้าฝน ดอกบานแล้วร่วงในวันเดียว ตอนเย็นประมาณบ่าย 4 โมงเย็น


ชงโค   เป็นพรรณไม้ยืนต้นสูงกว่า 5 เมตร ลักษณะคล้ายดอกกล้วยไม้ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกชงโคมีทั้งสีบานเย็น และขาว ชอบแดดจัด กลางแจ้ง น้ำปานกลาง ดอกจะงามในช่วงหน้าฝน

บุนนาค เป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบมีขนาดสูงได้มากกว่า 25 เมตร  ดอกจะออกเป็นช่อ ช่อละ 3-4 ดอก กลีบดอกสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน เรียง 2 ชั้นสลับกันชั้นละ 2 กลีบ  จะออกดอกในช่วยเดือนมีนาคม - กรกฎาคม ทุก ๆ ปี บุนนาคชอบแดดจัด น้ำปานกลาง


รวงผึ้ง  เป็นไม้พื้นบ้านมีถิ่นกำเนิดในไทย รวงผึ้งเป็นไม้ยืนต้นสูงประมาณ 4 เมตร 
มักพบภาคกลางถึงภาคเหนือ เด่นด้วยดอกที่ออกเป็นกระจุกตามซอกใบ มีสีเหลืองทอง มีกลิ่นหอม ดอกมี 5 กลีบเส้นผ่าศุนย์กลาง 1 ซม. ปีหนึ่งจะออกดอกเพียง 1-2 ครั้งในช่วงหน้าฝน และหน้าหนาว ชอบแดดจัด กลางแจ้ง ชอบน้ำปานกลาง เนื่องจากเป็นไม้ที่ไม่แพร่หลาย ไม่ค่อยมีการนำมาจัดสวน จึงเป็นไม้พันธุ์หายากตระกูลเดียวกับตะขบ ส่วนใหญ่มักให้ดอกปีละครั้งเท่านั้น 


ยี่เข่ง เป็นไม้ไทยที่เรามักเห็นปลูกตามบ้านสมัยโบราณ สมัยนี้ค่อนข้างหาดูได้ยาก ทั้งๆที่ยี่เข่งเป็นพันธุ์ไม้ที่ให้ดอกสวยงาม ดอกจะออกมากในช่วงหน้าฝน ตั้งแต่เดือน พ.ค.- ต.ค.  เป็นไม้พุ่มโปร่งสูง 3-4 เมตร 


บุหงาส่าหรี พันธุ์ไม้หอม ที่มีดอกเป็นช่อพวงสีขาวขนาดเล็กเรียว แต่งแต้มด้วยดอกขาวเล็กๆมีกลิ่มหอมแรง   บุหงาบาหลี มาจากหมู่เกาะบาร์บาโดส เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 4 เมตร  ดอกมีกลิ่นหอมแรงมากในช่วงกลางคืนจนถึงสาย ๆ ออกดอกตลอดปี ชอบแดดจัด น้ำปานกลาง จะเติบโตและให้ดอกได้ดีในช่วงหน้าฝนนี้บุหงาส่าหรีเป็นไม้ที่ค่อนข้างชอบความชุ่มชื้นของน้ำ แต่ไม่ชอบแฉะ เหมาะจะปลูกเป็นไม้ประดับในบ้านเพื่อกลิ่นหอมๆของดอกที่จะปรุงให้บรรยากาศสวนในบ้านน่าอยู่ยิ่งขึ้น

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ดอกไม้สวยซ่อนพิษ

Lily-of-the-valley

ว้าว! ชื่อเพราะจังเลย ดอกลิลลี่แห่งหุบเขาเนี่ย
แต่ติดอันดับสี่ได้ เชื่อว่าต้องอันตรายแน่ๆ
เค้าว่า ถ้ากินเข้าไปแล้ว หัวใจจะเต้นแรง คลื่นไส้ อาเจียน
บางคนที่กินมากๆ อาจจะเจอล้างท้องได้นะ

 Chrysanthemum
โอ้! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ดอกเบญจมาศจะติดอันดับกับเขาด้วย
แต่ว่าดอกไม้นี้มีมากกว่า 200 ชนิดในสปีชี่ส์เดียว
เพราะงั้นก็ไม่แปลกที่บางชนิดจะมีพิษร้าย
ถ้าอยากรู้ว่าดอกเบญจมาศชนิดไหนมีพิษ
เค้าว่าให้ดูที่กระต่าย เพราะมันจะไม่กล้าเข้ามากิน
แต่ถ้าโดนเข้าไป อาจจะทำให้ผิวหนังไหม้ และต้องหายาทา



 Narcissus
ดอกนาร์ซิสซัสนี้ ว่ากันว่า มีพิษร้ายแรงมากมาย
มีหลายคนที่สับสนแยกไม่ออกระหว่างดอกไม้นี้กับหัวหอม
แต่ถ้ากินเข้าไปแล้วล่ะก็ เจอดีแน่
ทั้งอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องร่วงอย่างแรง

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ดอกไม้แพงที่สุดในโลก

กล้วยไม้ Kinabalu สีทอง(ราคา 180000 บาท)

กล้วยไม้ Kinabaluสีทอง ขายได้ในราคาสูงเป็นอย่างมากเนื่องจากมีความสวยงามและหายาก โดดเด่นไปด้วยกลีบดอกยาวและสีเขียวที่สวยงามและมีจุดสีแดงอัญมณีแห่งนี้สามารถพบได้เฉพาะใน Kinabalu National Park ในประเทศมาเลเซีย จากความเป็นจริงที่พบได้เฉพาะในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งหนึ่งกำลังเติบโตเป็นเรื่องยากมากและต้องใช้เวลาดำเนินการนาน ดอกไม้แห่งนี้จะมีอัตราการขยายตัวระหว่างเดือนของเดือนเมษายนและ พฤษภาคม เท่านั้นและออกดอกบานสะพรั่งที่สามารถนำมานานหลายปีสุดท้ายก่อนที่จะปรากฏขึ้น การหายากและมีราคาแพงจึงทำให้ได้ชื่อ" Kinabalu สีทอง "


Saffron Crocus ( 30000 บาท – 45000 บาท ต่อกระบะ)


ดอกไม้ที่ได้รับการยอมรับว่าทมีความสวยความของการบานสะพรั่งมากที่สุด แต่ได้รับโดยทั่วไปนำมาจำหน่ายเป็นดอกไม้ที่ยังคงอยู่ Saffron Crocus ที่มีสีม่วงในสีแต่อวัยะสืบพันธุ์ของดอกไม้ตัวผู้สีเหลืองที่หลากหลายเป็นสิ่งที่ทำให้มันมากที่โดดเด่น ราคาที่สะท้อนถึงต้นทุนของการพัฒนาที่จะใช้เวลาประมาณ 80,000 ดอกไม้เพียงเพื่อพัฒนา 500 กรัมของจากอวัยะสืบพันธุ์ของดอกไม้ตัวผู้สีเหลืองซึ่งทั้งหมดจะมีมือ มีขนาดใหญ่เป็นที่ต้องการของตลาดSaffron Crocus แต่ต้องใช้จำนวนมากที่มีความชำนาญและมีเวลาในการเพาะปลูก นอกจากนี้ยังมีการใช้ปุ๋ยเเละยาบำรุงมากกว่าดอกไม้ชนิดอื่น

ดอกทิวลิปในศตวรรษที่ 17($5700)


แม้จะมีภาพ และความเรียบง่ายของทิวลิปในศตวรรษที่ 17 ที่ราคาสำหรับออกดอกบานสะพรั่งนี้ผุดขึ้น ดอกไม้เเบบชั้นเดี่ยวโดย Dutch ในรูปของบริษัทและที่สำคัญกว่านั้นคือสีอันเขียวชอุ่มและลึกของพื้นที่ ในความเป็นจริงแล้วสีที่มีความเข้มมากกว่าดอกไม้อื่นที่ในช่วงเวลานั้น และยังเป็นดอกไม้ที่หายาอย่างมากราคาที่มาถึงได้ถึง 10,000 ,กิลเดอร์สำหรับทิวลิปเหล่านี้และนับจากนั้นทิวลิปที่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะที่อยู่ในสวนส่วนตัวของคุณได้

วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ดอกไม้มีพิษ

อันดับ 1 Wisteria  ชื่อต้นไม้นี้ แปลกทีเดียวเชียว แต่ก็นั่นแหละ เค้าบอกว่า ถ้าเผลอกินเข้าไปเมื่อไหร่  ท้องร่วง ท้องเสีย อาเจียน ปวดหัว เป็นไข้ วิงเวียนแน่ และถ้าไปโรงพยาบาลไม่ทัน อาจจะช็อคแหงแก๋ได้เหมือน


อันดับ 2 Foxgloveถุงมือหมาจิ้งจอก?  ดอกไม้สูงแค่สามฟุต สีสวยงามนี่แหละ อันตรายดีทีเดียว  แน่นอนว่า จะทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องมากและปากไหม้ด้วย ถ้ากินเข้าไปนะ  บางคนก็จะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ

อันดับ 3 Hydrangeaอะไรกัน ไฮเดรนเยียออกจะสวยเนอะ แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่า จะมีอันตรายด้วย  มันสวยก็จริง แต่ถ้ากินเข้าไปล่ะก็จะเนื้อตัวเย็นเฉียบ ครั่นเนื้อครั่นตัว คลื่นไส้ อยากจะอาเจียน บางคน อาจจะเกิดอาการช็อค


วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ดอกไม้เหม็นที่สดในโลก



ในความคิดของคนหลายๆคนต้องคิดว่าดอกไม้นั้นมีกลิ่นหอม แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามีดอกไม้ชนิดหนึ่งที่ไม่ได้มีกลิ่นหอม  นั่นคือ ดอกบุกยักษ์ (Titan Arum) ซึ่งมีกลิ่นเหม็นเน่าอย่างรุนแรง  กลิ่นของมันคล้ายกับปลาเน่าผสมซากศพ  มันจึงได้รับชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  "ดอกซากศพ"หรือ   ต้นบุกยักษ์  เป็นพืชเขตร้อนในวงศ์ Araceae  เป็นดอกไม้ที่ได้ชื่อว่า" เหม็น "  ที่สุดในโลก    บุกย์ยักษ์มีอายุประมาณ 40 ปี  หาดูยาก  ออกดอกเพียงครั้งละดอก  และตลอดทั้งชีวิตของมันจะออกดอกเพียง 3-4 ครั้งเท่านั้น  ซึ่งดอกของมันจะบานอยู่เพียง 36 ชั่วโมง  ก่อนที่จะหุบลง

วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557

กลิ่นหอมของดอกไม้เพิ่มอารมณ์ทางเพศได้

เชื่อไหมค่ะว่า ในกระบวนของสิ่งเร้าอารมณ์ทางเพศแล้ว ใครๆ ก็นึกว่า รูปร่างทรวดทรง
องค์เอวที่บาดตา จะทำให้เกิดอารมณ์รักใคร่ และพิศวาสได้มากที่สุด แต่ความจริงแล้ว
สิ่งที่เร้าอารมณ์มากที่สุด เรียกร้องความต้องการตามธรรมชาติ มากที่สุด กลับเป็นกลิ่ง


กลิ่นหอมที่จะเพิ่มอารมณ์ให้ดีขึ้น
  • กลิ่นหอมจากดอกมะลิหรือจัสมิน --- ทำให้รู้สึกเป็นผู้หญิงเพิ่มขึ้น
  • ชาโมไมล์ --- ช่วยขจัดอารมณ์ร้ายๆ อารมณ์ไม่ดีออกไป
  • เนโรลี --- เพิ่มความรู้สึกที่เป็นผู้หญิงอย่างแรง
  • เสาวรส --- ทำให้รู้สึกสดชื่นดูโลกสดใส
ทั้งหมดนั้น เหมาะที่จะใช้กับคุณผู้หญิง...
...แล้วผู้ชายเล่า กลิ่นอะไร จึงจะทำให้อารมณ์พิศวาสดีขึ้น
คำตอบก็คือ วานิลลา และผิวส้ม อย่างไรเล่าค่ะ ได้กลิ่นแล้ว ส่วนใหญ่จะอารมณ์ดีขึ้นทันที

ยังไงก็ลองนำไปใช้ดูนะค่ะ เผื่อช่วยในกิจกรรมเข้าจังก่อนนอนของคุณได้สนุกมากขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เทศกาลวันแม่ราคาดอกมะลิปรับตัวสูงขึ้น

ยิ่งใกล้เข้าวันแม่ ราคาดอกมะลิยิ่งเพิ่มสูงขึ้น  น.ส.กรพินธุ์ อินสะอาด เจ้าของร้านจำหน่ายดอกไม้สดทั้งปลีกและส่งบริเวณศาลปู่ดำ ต.ในเมืองอ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า ราคาดอกมะลิในสัปดาห์นี้แพงกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมากว่าเท่าตัว จากปกติซื้อมาราคากิโลกรัมละ 300 บาทขยับเพิ่มขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 500-700 บาท 

วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557

วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สรรพคุณของมะลิ

  1. ดอกมะลิมีรสหอมเย็น มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ ทำให้ชื่นใจ จิตใจชุมชื่น แก้อาการอ่อนเพลีย ชูกำลัง (ดอก)[4]
  2. ชาวโอรังอัสลี ในรัฐเประ ประเทศมาเลเซีย จะใช้รากนำไปต้ม แล้วดื่มน้ำกินเป็นยาแก้เบาหวาน (ราก)[9]
  3. หากมีอาการนอนไม่หลับ ให้ใช้รากแห้งประมาณ 1-1.5 กรัม นำมาฝนกับน้ำรับประทาน (ราก)[3]
  4. ดอกสดนำมาตำให้ละเอียดใช้พอกขมับ จะช่วยแก้อาการปวดศีรษะได้ (ดอก)[1] หรือจะใช้รากสดประมาณ 1-1.5 กรัม นำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ปวดหัวก็ได้ (ราก)[1],[3]
  5. ช่วยแก้เจ็บตา (ดอก)[4]
  6. รากสดใช้ทำเป็นยาล้างตาแก้เยื่อตาอักเสบ (ราก)[1] ใบและรากใช้ทำเป็นยาหยอดตา (ใบ,ราก)[5] บ้างว่าใช้ดอกมะลิสดที่ล้างน้ำสะอาด นำมาต้มกับน้ำจนเดือนสักครู่ แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้ล้างตาแก้ตาแดง เยื่อตาขาวอักเสบ (ดอก)[10]
  7. ช่วยแก้อาการเจ็บหู (ดอกและใบ)[3]
  8. ช่วยแก้อาการปวดฟัน ด้วยการใช้รากสดนำมาทุบให้แหลกคั่วกับเหล้าจนร้อน ใช้พอกบริเวณที่ปวด (ราก)[3],[10] หากปวดฟันผุ ให้ใช้รากมะลิตากแห้งยำมาบดให้เป็นผง ผสมกับไข่แดงที่ต้มสุกแล้วจนได้ยาที่เหนียวข้น ใช้ใส่ในรูฟันผุ (ราก)[10]
  9. ดอกและใบมีรสเผ็ดชุ่ม เป็นยาเย็น ช่วยดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ ใช้เป็นยาแก้ร้อนในกระหายน้ำ ขับเหงื่อขับความชื้น แก้ไข้หวัดแดด (ดอกและใบ)[3],[4] รากใช้ฝนกับน้ำเป็นยาแก้ร้อนใน (ราก)[5]
  10. ใช้ใบสดประมาณ 3-6 กรัม นำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ไข้ (ใบ)[1],[5]
  11. ตำรับยาแก้หวัดแดด มีไข้ ให้ใช้ดอกมะลิแห้ง 3 กรัม, ใบชาเขียว 3 กรัม, เมล็ดเฉาก๊วย 9 กรัม นำมารวมกันต้มกับน้ำกิน (ดอก)[3]
  12. ดอกสดนำมาตำใส่พิมเสน ใช้สุมหัวเด็กแก้ซาง แก้หวัด แก้ตัวร้อน (ดอก)[4]
  13. ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน ด้วยการใช้รากสดประมาณ 1-1.5 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน (ราก)[1]
  14. ดอกแก่ใช้เข้ายาหอมเป็นยาแก้หืด (ดอก)[5]
  15. ช่วยแก้หอบหืด หลอดลมอักเสบ ด้วยการใช้รากสด 1-1.5 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน (ราก)[1],[4]
  16. รากใช้เป็นยาแก้โรคเกี่ยวกับทรวงอก (ราก)[1]
  17. ดอกสดนำมาตำให้ละเอียดใช้พอกหรือเช็ดบริเวณเต้านมเพื่อให้หยุดการหลั่งของน้ำนมได้ (ดอก)[1]
  18. ใบสดประมาณ 3-6 กรัม นำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ปวดท้อง ท้องเสีย ท้องอืดแน่น (ใบ)[1] หรือจะใช้ดอกมะลิแห้ง 3 กรัม, ใบชาเขียว 3 กรัม, เมล็ดเฉาก๊วย 9 กรัม นำมารวมกันต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเสีย (ดอก)[3]
  19. ช่วยแก้อาการเสียดท้อง (ราก)[5]
  20. ใช้ดอกสดหรือดอกแห้งประมาณ 1.5-3 กรัม นำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้โรคบิด แก้อาการปวดท้อง (ดอก[1],[4], ดอกและใบ[3])
  21. ชาวโอรังอัสลี ในรัฐเประ ประเทศมาเลเซีย จะนำใบอ่อนใสแช่ในน้ำเย็น ใช้ดื่มกินแก้นิ่วในถุงน้ำดี (ใบ)[9]
  22. ช่วยบำรุงครรภ์รักษา (ดอก)[4]
  23. ช่วยขับประจำเดือนของสตรี (ราก)[5]
  24. ดอกสดนำมาตำใช้เป็นยาทารักษาแผลเรื้อรัง ทาฝีหนอง ผิวหนังผื่นคัน เยื่อตาอักเสบ และแก้ปวดหูชั้นกลาง (ดอก)[1],[4] ช่วยแก้ฝีหนอง (ดอกและใบ)[3]
  25. ใบสดนำมาตำใช้เป็นยาแก้โรคผิวหนัง แผลโรคผิวหนังเรื้อรัง แก้ฟกช้ำ และบาดแผล (ใบ)[1] หรือใช้ใบสดนำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำมันมะพร้าวใหม่ๆ นำไปลนไฟ ใช้ทารักษาแผล ฝีพุพอง (ใบ)[5]
  26. รากมีรสเผ็ดขม เป็นยาเย็น มีพิษเล็กน้อย ใช้เป็นยาชา ยาแก้ปวด ให้ใช้รากสดประมาณ 1-1.5 กรัม นำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ปวด (ราก)[1],[3]
  27. ใช้แก้กระดูกร้าว ฟกช้ำ ให้ใช้รากแห้ง 1.5 กรัม นำมาฝนกับเหล้ากิน (ราก)[3] หรือจะใช้รากสดตำพอกแก้ฟกช้ำ เคล็ดขัดยอกเนื่องจากการหกล้ม (ราก)[3]
  28. ใบมีสรรพคุณช่วยขับน้ำนมของสตรี (ใบ)[5]
  29. ตำรายาไทยจะใช้ดอกมะลิแห้งปรุงเป็นยาหอม โดยจัดให้ดอกมะลิอยู่ในพิกัดเกสรทั้ง 5, พิกัดเกสรทั้ง 7, พิกัดเกสรทั้ง 9 เป็นตำรับยาที่มีสรรพคุณแก้ไข้ ช่วยทำให้จิตใจชุ่มชื่น (ดอก)[2],[4]
  30. นอกจากนี้ยังมีการนำดอกมะลิผสมเข้ายาหอมที่มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ ทำให้จิตใจชุ่มชื่น แก้ลมวิงเวียน เช่น ในตำรับยาหอมเทพจิต ยาหอมทิพโอสถ ยาหอมนวโกฐ และยาหอมอินทจักร์ ซึ่งมีส่วนประกอบหลักเป็นดอกมะลิ และยังใช้เป็นส่วนผสมในตำรับยาแก้ไข้มิรู้จักสติสมปฤดี ยาประสะจันทน์แดง ยามหานิลแท่งทอง เป็นต้น (ดอก)[4]
หมายเหตุ : การใช้ตาม [3] ดอกและใบแห้ง ใช้ครั้งละ 3-6 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน ถ้าเป็นรากแห้ง ให้ใช้ครั้งละ 1-1.5 กรัม นำมาฝนกับน้ำกิน หรือใช้ 3-6 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน ส่วนใช้ภายนอกให้ใช้รากสดนำมาตำพอกแผลตามที่ต้องการ[3]

วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ดอกมะลิ ดอกไม้สัญลักษณ์ประจำวันแม่

ดอกมะลิ ดอกไม้สัญลักษณ์ประจำวันแม่

ดอกมะลิ ดอกไม้สัญลักษณ์ประจำวันแม่ ความหมายของดอกมะลิ รูปดอกมะลิวันแม่ ดอกไม้ดอกเล็ก ๆ สีขาวบริสุทธิ์ที่มีกลิ่นหอมชวนดมอย่าง "ดอกมะลิ" ถูกนำมาใช้เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ "วันแม่" เพราะดอกมะลิเปรียบเสมือนความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีให้ลูกน้อย

อย่างไรก็ตาม ดอกมะลิ ไม่ได้มีดีแค่ความหอม หรือนำไปร้อยมาลัย แต่ยังเป็นดอกไม้ที่มีประโยชน์อีกมากมาย รวมทั้งแฝงไว้ด้วยสรรพคุณทางยาในการช่วยบำบัดและรักษาอาการเจ็บป่วยได้อย่างดีเยี่ยมโดยที่เราคาดไม่ถึง
 

วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ดอกไม้ประจำวันเกิด



ดอกไม้ประจำวันเกิด



          วันนี้เรามีดอกไม้ ประจำวันเกิดมาให้อ่านกันค่ะ … ใครเกิดวันไหน ตรงกับต้นไม้ หรือดอกไม้อะไรก็อย่าลืมไปหามาปลูกนะคะ  

        เกิดวันอาทิตย์

          ต้นไม้ประจำวันเกิด เป็นต้นพวงแสด ต้นพุทธรักษา ต้นธรรมรักษา และต้นเยอร์บีร่าที่มีดอกสีส้ม

          ส่วนดอกไม้ประจำวันเกิด เป็นดอกกุหลาบสีส้ม จะถูกโฉลกกับเธอที่เกิดวันอาทิตย์

          คนเกิดวันนี้มีนิสัยทะเยอทะยานและกระตือรือล้น เธอและดอกไม้มีความหมายถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ ดอกไม้อีกชนิดสำหรับผู้เกิดวันนี้คือ ดอกทานตะวัน อันเป็นสัญลักษณ์คู่กับพระอาทิตย์เสมอ บอกถึงตัวเธอที่เชื่อมั่น หัวสูง ถือตัว และหยิ่งในศักดิ์ศรีด้วย 

        เกิดวันจันทร์  
          ต้นไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ต้นมะลิ ต้นแก้ว ต้นพุด ต้นจำปี ยิ่งถ้าปลูกแล้วออกดอกหอม เธอจะยิ่งโชคดี

          ดอกไม้ประจำวันเกิด คือดอกมะลิขาวสะอาด หมายถึงตัวเธอที่มีความนุ่มนวลอ่อนโยน เรียบร้อย ส่วนดอกไม้อีกชนิดคือ ดอกกุหลาบขาว หมายถึงความรักที่อ่อนโยนและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนเพราะคนวันจันทร์มักอ่อนไหวง่าย โรแมนติก และช่างฝัน  

        เกิดวันอังคาร  
          ต้นไม้ที่แสนดีของเธอคือ ต้นชัยพฤกษ์ ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ต้นยี่โถ ออกดอกสีชมพู ต้นเข็มออกดอกสีชมพู ถ้าต้นไม้ของเธอออกดอกมากๆ บอกได้ว่าเธอกำลังมีความสุข

          ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกล้วยไม้ โดยเฉพาะที่ออกดอกสีชมพู เพราะมีความหมายถึงความรักที่ร้อนรุ่ม หวือหวา วูบวาบตามอารมณ์ของคนที่เกิดวันนี้  

        เกิดวันพุธ

          ต้นไม้ประจำตัวคนที่เกิดวันพุธนั้นพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่เป็นต้นไม้ใบเขียว โดยเฉพาะต้นกระดังงา ต้นสนฉัตร ดังนั้นเธอควรปลูกต้นไม้เยอะๆ ถึงจะโชคดี ต้นไม้เหล่านั้นจะช่วยปกป้องคุ้มครองเธอได้ คือ ดอกบัว หมายถึงจิตใจอันสงบ เพราะคนที่เกิดวันพุธมักชอบเป็นนักการทูตและรักสันติภาพ

          ดอกไม้ประจำวันเกิด คือดอกบัว ซึ่งคนที่เกิดวันพุธมักจะเป็นนักคำนวณ (เงิน) สีเหลืองอร่ามราวกับทองของดอกไม้ชนิดนี้ หมายถึงรักของเธอต้องมาพร้อมเงิน  


        เกิดวันพฤหัสบดี

          ต้นไม้ประจำตัวคือ ต้นโสน ต้นราชพฤกษ์ และต้นบานบุรี หากมีต้นไม้เหล่านี้อยู่ในบ้านจะช่วยคุ้มครองดูแลเธอ

          ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความรัก รักซ้อนซ่อนใจ เพราะคนที่เกิดวันนี้เป็นคนรักง่ายหน่ายเร็ว เจ้าชู้เล็กๆ ดอกไม้อีกชนิดหนึ่งคือดอกคาร์เนชั่นสีชมพู หมายถึงรักของเธอที่อ่อนโยนและอ่อนหวาน เธอที่เกิดวันนี้ จริงๆ แล้วเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและมีอารมณ์ขัน น่ารักเหมือนดอกไม้ของเธอนั่นแหละ  

        เกิดวันศุกร์  
          ต้นไม้ที่แสนดีของคนที่วันศุกร์คือ ต้นพยับหมอก ต้นแส ต้นอัญชัน

          ส่วนดอกไม้ของเธอคือ กุหลาบทุกสี เพราะคนที่เกิดวันศุกร์มักเป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่มีเสน่ห์ล้นเหลือ หรือจะเป็นดอกไม้เจ้าเสน่ห์ที่มีความหมายหวานแหววแบบดอกไวโอเลตว่า "ฉันรักเธอแล้ว หากรักฉันก็บอกกันบ้างนะ" คนเกิดวันศุกร์บางอารมณ์ก็โลเล จึงได้ดอกลาเวนเดอร์ที่มีความหมายถึงรักที่สับสน ไม่แน่นอน ไปครองอีกดอกหนึ่ง  
      

        เกิดวันเสาร์  
          จะมีต้นไม้พวกต้นกัลปังหา ต้นพวงคราม ต้นอินทนิล เป็นต้นไม้ประจำวันเกิด

          ดอกไม้ประจำวันเกิดคือ ดอกลิลลี่ อันหมายถึงรักครั้งแรก รักที่บริสุทธิ์เพราะคนที่เกิดวันเสาร์เป็นคนจริงจังและซีเรียส จึงรักใครยากหน่อย ทว่าดอกลิลลี่เป็นดอกที่กระทบใจคนขี้เหงาวันเสาร์ได้ดีทีเดียว


วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ดอกไม้ประจำอาเซียน



10ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน


National Flowers of 10 ASEAN Countries 

ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน

    บุปผาอันงดงามแห่งอาเซียนทั้ง 10ประเทศที่ผลิดอก ออกใบ แตกกอ ต่อยอดวันแล้ววันเล่า นอกจากบ่งบอกเอกลักษณ์ความเป็นชาติแล้ว ยังอ้างอิงถึงภูมิศาสตร์ที่ตั้งถิ่นฐานของประเทศนั้นๆ อีกด้วย



Simpor is the national flower of Brunei.

ดอก Simpor (Dillenia suffruticosa) เป็นดอกไม้ที่มีกลีบดอกขนาดใหญ่สีเหลือง เมื่อบานเต็มที่กลีบดอกจะบานออกคล้ายกับร่ม รูปดอก Simpor พบได้ในธนบัตรราคา ดอลลาร์ ของประเทศบรูไน ดารุสซาลาม และถูกใช้อย่างแพร่หลายในด้านศิลปะการออกแบบงานฝีมือพื้นเมือง ดอก Simpor พบทั่วไปตามแม่น้ำของประเทศบรูไน ดารุสซาลาม โดยเฉพาะแม่น้ำ Tem-burong และยังพบตามบึง หรือบริเวณที่มีทรายสีขาว ส่วนต่างๆ ของต้นไม้ชนิดนี้นำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น ใช้ในการรักษาบาดแผล




Rumdul is the national flower of Cambodia

ดอก Rumdul หรือ ดอกลำดวน เป็นดอกสีขาวเหลืองอยู่บนใบเดี่ยว มีกลิ่นหอมในเวลาค่ำ เนื่องจากกลิ่นหอมนี้เองทำให้ในอดีตมักเปรียบดอกลำดวนกับผู้หญิงเขมร ต้นลำดวนมีความสูง 8-12 เมตร พบได้ทั่วไปในประเทศกัมพูชา และนิยมปลูกในสวนสาธารณะ



Lotus is the national flower of Vietnam.

ดอก Lotus หรือ ดอกบัว เป็นดอกไม้ที่ชาวเวียดนามถือว่าเป็น ใน ของพันธุ์ไม้ที่มีความสง่างาม ซึ่งประกอบไปด้วย ต้นสน ต้นไผ่ และต้นเบญจมาศ ดอกบัวเป็นที่รู้จักในนาม ดอกไม้แห่ง รุ่งอรุณ” พบได้ทั่วไปตามแหล่งน้ำของประเทศเวียดนาม สำหรับชาวเวียดนามแล้ว ดอกบัวคือสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความผูกพัน และการมองโลกในแง่ดี ความสง่างามของดอกบัวมักถูกกล่าวถึงในบทกลอน และเพลงพื้นเมืองของประเทศเวียดนาม



Ratchaphreuk is the national flower of Thailand.

ต้น Ratchaphruek หรือ ต้นราชพฤกษ์ มีช่อดอกสีเหลืองที่สวยงาม ชาวไทยถือว่าสีเหลืองของดอกไม้ชนิดนี้ คือ สีของพระพุทธศาสนาและความรุ่งโรจน์ อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีปรองดองของคนไทย ดอกราชพฤกษ์จะเริ่มบานตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม ขณะผลิบานต้นจะทิ้งใบเหลือเพียงดอกสีเหลืองอร่าม ดอกราชพฤกษ์เป็นที่รู้จักทั่วไปในประเทศไทย และปลูกอย่างแพร่หลายตามแนวถนน 



Vanda Miss Joaquim is the national flower of Singapore.

ดอก Vanda Miss Joaquim เป็นดอกกล้วยไม้ที่เป็นที่รู้จักมาที่สุดในประเทศสิงคโปร์ โดยตั้งชื่อตามผู้ผสมพันธุ์ ด้วยสีม่วงและรูปลักษณ์ที่สวยงาม อีกทั้งบานตลอดปี ทำให้ดอกไม้ชนิดนี้ถูกยกสถานะให้เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศสิงคโปร์ ตั้งแต่ปี 1981 Vanda Miss Joaquim พบได้ทั่วไปในประเทศสิงคโปร์ 



Sampaguita Jasmine is the national flower of the Philippines.

ดอก Sampaguita Jasmine หรือดอกพุดแก้ว เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศฟิลิปปินส์ตั้งแต่ปี 1934ดอก Sampaguita มีกลีบดอกรูปดาวสีขาวที่บานตลอดทั้งปี โดยจะแย้มดอกในตอนกลางคืนและส่งกลิ่นหอมประมาณหนึ่งวัน สำหรับประชาชนชาวฟิลิปปินส์ ดอกไม้ชนิดนี้เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความเรียบง่าย ความอ่อนน้อมถ่อมตน และความเข้มแข็ง การผลิบานของดอก Sampaguita ถูกนำมาเฉลิมฉลองในตำนานเรื่องเล่าและบทเพลงของประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีความเชื่อว่าดอกไม้ชนิดนี้มีที่มาจากแถบ Himalaya ในศตวรรษที่ 17



Padauk is the national flower of Myanmar.

ดอก Padauk หรือ ดอกประดู่ ผลิดอกสีเหลืองทองและส่งกลิ่นหอมหลังฤดูฝนแรกของเดือนเมษายน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับการเฉลิมฉลองปีใหม่ของประเทศพม่า เมื่อผลิดอก ต้นของดอก Paduak จะเป็นสีทองตลอดทั้งคืน ชาวพม่าจึงถือว่าต้น Padauk เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรง และความทนทาน ดอกไม้ชนิดนี้ยังหมายถึงวัยหนุ่มสาว และความรัก ดอก Padauk เป็นดอกไม้ที่ขาดไม่ได้ในงานประเพณีและพิธีทางศาสนา จึงพบมากในประเทศพม่า นอกจากนี้ ลำต้นยังสมารถนำไปทำเครื่องเรือนได้อีกด้วย



Bunga raya is the national flower of Malaysia

ดอก Bunga raya หรือ ดอกพู่ระหง เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศมาเลเซีย กลีบดอก กลีบของดอก Bunga raya เป็นตัวแทน หลักการแห่งความเป็นชาติของประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นปรัชญาเพื่อเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นและความอดทนในชาติ ดอก Bunga raya พบได้ทั่วไปในประเทศมาเลเซีย และบางส่วนของต้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และความงามได้อีกด้วย 



 Champa is the national flower of Laos.

ดอก Champa หรือ ดอกลีลาวดี เป็นดอกไม้ประจำชาติ และเป็นสัญลักษณ์ของประเทศลาว มีกลิ่นหอม และมีหลายสี เช่น สีแดง สีเหลือง สีชมพู และโทนสีอ่อนต่างๆ ดอก Champa เป็นตัวแทนของความจริงใจ และความสุขในชีวิต จึงนิยมใช้ประดับในพิธีต่างๆ หรือทำเป็นพวงมาลัยเพื่อต้อนรับแขก ดอกChampa บานทุกวัน และอยู่ได้นาน จึงมักปลูกอย่างแพร่หลาย และเห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะในบริเวณวัด



Moon Orchid is the national flower of Indonesia.

ดอก Moon Orchid หรือ กล้วยไม้ราตรี เป็นกล้วยไม้ในสายพันธุ์ Phalaenopsis amabilis ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของดอกไม้ประจำชาติอินโดนีเซีย โดยดอกไม้ประจำชาติที่เหลือ คือ ดอก Jasmin-num sambacและดอก Rafflesia arnoldii ดอก Moon Orchid เป็นหนึ่งในบรรดาดอกกล้วยไม้ที่บานนานที่สุด โดยช่อดอกสามารถแตกกิ่งและอยู่ได้นานถึง 2-6 เดือน โดยปกติดอก Moon Orchid จะบาน 2-3 ครั้งต่อปี ก่อนจะโตเต็มที่ สามารถเจริญเติบโตได้ดีในอากาศชื้น จึงมักพบทั่วไปในที่ราบต่ำของประเทศอินโดนีเซีย